กลับมาทำให้โลกภาพยนตร์และการถ่ายวิดีโอสั่นสะเทือนอีกครั้งกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ DJI โดยในคราวนี้มาถึง 3 รุ่นที่นับว่าเป็นตัวจบตัวจึ้งของสายวิดีโอเลยทีเดียว KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปทำความรู้จัก DJI RS4, DJI RS4 Pro และ DJI RS Pro กิมบอลที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการภาพยนตร์และวิดีโอ
‘DJI RS 4’ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอันทรงพลัง
DJI RS 4 มาพร้อมประสิทธิภาพการรับน้ำหนักที่ดีเยี่ยม รองรับกล้อง mirrorless แบบทั่วไปได้สูงสุดถึง 3 กิโลกรัม (6.6 ปอนด์) และ lens combinations เพื่อการจัดการที่สะดวกสบาย มีความแข็งแรงทนทาน ด้วยแกน tilt axis ที่ขยายออกไปอีก 8.5 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน RS 4 มอบพื้นที่สมดุลที่ใหญ่ขึ้น
รองรับอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น ND Filter เพื่อตอบโจทย์ความคิดสร้างสรรค์ มาพร้อมกับเทคโนโลยี 4th-gen stabilization algorithm ที่ปรับให้เหมาะสมอย่างพิถีพิถันสําหรับสถานการณ์ต่างๆ
DJI RS 4 ได้สร้างสมดุลระหว่าง stabilization strength และ camera movement มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เมื่อจับคู่กันกับ high-capacity battery grip จะใช้งานได้นานกว่าเดิมถึง 2.5 เท่า ทำให้มั่นใจว่าการถ่ายทำจะไม่สะดุด
ด้วยเทรนด์การถ่ายวิดีโอแนวตั้งในยุคนี้ DJI RS 4 จึงมาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายแนวตั้งเป็น second-generation ด้วย gimbal plate แนวนอนที่ออกแบบใหม่เพื่อการเปลี่ยนไปใช้การถ่ายภาพแนวตั้งอย่างราบรื่นและเพื่อประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์วิดีโอ
รวมถึงการล็อกแกนอัตโนมัติที่ได้รับการอัพเกรดมาเพื่อช่วยให้การเริ่มต้นใช้งาน การเปลี่ยนภาพ และการจัดเก็บได้อย่างรวดเร็ว โดยลดการสั่นของ gimbal ให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการเคลือบ Teflon บนทั้งสามแกน ทำให้ RS 4
มีความสมดุลที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น ในขณะที่ปุ่มปรับแบบละเอียดช่วยให้ปรับได้อย่างแม่นยำเมื่อสลับกล้องหรือเลนส์ และยังมีคุณสมบัติการล็อกหน้าจออัตโนมัติบน OLED touchscreen ช่วยป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจและประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ด้วย
ด้านการเชื่อมต่อ DJI RS 4 เชื่อมต่อกับกล้องด้วย Bluetooth wireless ที่ควบคุมกล้องได้จากระยะไกลทั้งชัตเตอร์และการซูม และถ้าจับคู่กับ DJI Focus Pro Motor จะช่วยให้ปรับโฟกัสและการซูมเลนส์ได้อย่างราบรื่น เพิ่มการควบคุมเลนส์ด้วยความเร็วมอเตอร์ที่เร็วขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ DJI RS 4 ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมครบถ้วน อาทิ พอร์ต RSA communication port หรือการเชื่อมต่อกับ BG70 High-Capacity Battery Grip ซึ่งขยายเวลาการใช้งานเป็น 29.5 ชั่วโมง
โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 2.5 ชั่วโมงและรองรับการจ่ายไฟให้กับกล้องและอุปกรณ์เสริมผ่าน USB-C เพื่อประสบการณ์การถ่ายภาพแบบครบครันได้ด้วย เป็นต้น
